วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สู่ชีวิตอันอุดม...การสร้างคุณค่าในตนเอง คือ ศิลปะแห่งการเยียวยา



เมื่อวันที่ 5-6 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมานั้น ข้าพเจ้าได้ร่วมในการทำค่ายสำหรับผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า และเคยอยู่สภาวะความคุกคามที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ และพยายามฆ่าตัวตาย...การทำงานครั้งนี้เป็นการทำงานที่เชื่อมโยงและเนียนเข้าไปสู่วิถีแห่งพุทธะ ... ที่นำไปสู่การเยียวยาที่ลงรากไปถึง "จิตวิญญาณ" การให้ผู้คนได้ลิ้มรสและซึมซับแห่งพระธรรมนั้น เป็นความดีงามที่น้อมนำผู้คนไปสู่ความอิ่มของจิตใจ ทำให้สภาวะแห่งหลุมดำตื้นขึ้น...
ในการเข้าค่ายครั้งนี้...
มีทั้งผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า และผู้ที่อยู่ในช่วงระหว่างกำลังบำบัดยาเสพติด
กลุ่มหนึ่งรู้สึกว่าถึงว่าตนเองมีโอกาสแห่งการได้มีชีวิตแต่พยายามตัดโอกาสนั้นของตนเอง ด้วยการคิดว่าการฆ่าตัวตายคือ ทางออก...
อีกกลุ่มหนึ่งนั้น เป็นความพยายามที่จะขอโอกาสแห่งการได้ดำรงอยู่ จากความผิดพลาดที่เคยทำ แต่การที่ไม่ด้รับโอกาสอาจน้อมนำไปสู่การตัดสินใจทำร้ายตนเองได้อีกครั้ง
แม้ทั้งสองกลุ่มจะแตกต่างกันของเหตุที่มา แต่ทั้งสองกลุ่มก็มีลักษณะร่วมคือ การไร้ซึ่งความรู้สึกของการดำรงอยู่และความมีคุณค่าในตนเอง
ดังนั้นเป้าหมายในการทำงานครั้งนี้ สำหรับข้าพเจ้าเองมองว่า คืนการฟื้นฟูความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองสำหรับคนทั้งสองกลุ่ม...
เราเริ่มกิจกรรมครั้งแรก...
ด้วยให้ทุกคนได้วาดภาพสะท้อนความดีของตนเอง โดยให้จับคู่กันและบอกเล่าความดีให้กันฟัง แรกๆบรรยากาศเป็นเขิลๆ เพราะรู้สึกว่าแต่ละคนต่างไม่คุ้นชินกับการได้มองหรือค้นหาความดี ของตนเอง...แต่ถึงแม้จะไม่คุ้น แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาเหล่านี้ได้เริ่มซึมซับแห่งความดีความงามทางจิตใจเข้าไปแล้ว
จากนั้นก็สานต่อ...นำไปสู่การมองหาเป้าหมายของชีวิต
เป็นการที่ชวนให้ทุกคนได้มองว่า ชีวิตที่ดำรงอยู่นี้น่าจะมีเป้าหมายอย่างไรบ้าง
กิจกรรมนี้เราได้ทั้งการฝึกให้คิดอย่างใคร่ครวญ และมีหลักยึดแห่งเป้าหมายของวิถีชีวิตที่พึงดำรง การมีเป้าหมายในชีวิตคือ การทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตเราในแต่ละวันนั้นเราทำอะไรบ้าง และสิ่งไหนที่เราต้องทำ ทำไปเพื่ออะไร ... ทำให้การมีชีวิตอนู่นั้น มีความหมายมากขึ้น...
จากนั้น...เมื่อเสร็จกิจกรรมกลุ่มกันแล้ว...
เราต่างแบ่งกันทำงาน โดยล้างห้องน้ำบ้าง ทำความสะอาดลานวัดบ้าง และเตรียมงานสำหรับกิจกรรมที่จะมีขึ้นของวัดในวันที่ 8 สิงหาคม เป็นการทำงานที่เราเน้นในเรื่อง "จิตอาสา" อันเป็นการบ่มเพาะคุณลักษณะของเมล็ดพันธุ์ของความเป็นผู้มีจิตสาธารณะ...
เมื่อแล้วเสร็จ...ประมาณหนึ่งทุ่ม ทุกคนเตรียมทำวัตรเย็นร่วมกัน
การนำในการทำวัตรเย็นนั้น นำโดยเยาวชนที่ถูกตีตราว่าตนคือ ผู้มีความผิดพลาดในชีวิต คือผู้ใช้สารเสพติด...คือ...อะไรก็แล้วแต่ที่สื่อไปในแนวทางว่า เป็นคนไม่ดีในสายตาของสังคม
แต่สำหรับภาพวันนี้ เขาคือ เด็กหนุ่มเยาวชนที่สวมชุดสีขาว และนำพาการสวดมนต์ทำวัตรเย็น เสียงประสานแห่งการสวนมนต์นิ่งเย็นชุ่มชื่นซึมซับเข้าไปในหัวใจ เป็นพลังแห่งความดีงามยังคงมีอยู่ในทุกคน ต่างเป็นพลังที่สะท้อนออกมาว่า "พวกเรายังเป็นคนดีและมีคุณค่านะ"...
เมื่อแล้วเสร็จกิจกรรมการทำวัตรเย็นแล้ว...
พระอาจารย์พิทยา ได้นำในการฝึกนั่งสมาธิ...ในโบสถ์ ผู้ป่วยที่เคยผ่านทั้งความคิดฆ่าตัวตาย และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายมานั้น ต่างได้เคลื่อนเข้าไปสู่สภาวะแห่งความร่มเย็น เป็นการเติมเต็มและรดน้ำแก่เมล็ดพันธุ์แห่งความชุ่มชื่นใจ เพื่อให้ใจนี้ได้มีพลังให้เขารู้สึกว่าเขาอยากมีชีวิตอยู่...และดำเนินชีวิตต่อไปตามกาลเวลาที่มีและเหลืออยู่
เช้าวันที่สอง
ตั้งแต่เช้ามืดทุกคนตื่น...ด้วยความสดใส สำหรับผู้หญิงก็เข้าครัวช่วยแม่ครัวเตรียมอาหาร ผู้ชายก็ทำภารกิจร่วมกับทางวัด ทำความสะอาดลานวัด ตามพระภิกษุออกบิณฑบาตร
จากนั้นก็มาร่วมกันทำวัตรเช้า...
และฟังเทศน์จากหลวงปู่ประสาน สุมโน หรือพระครูสุมนสารคุณ
"การตั้งมั่นในศีล และการดำรงอยู่เพื่อมีชีวิต และสร้างคุณค่าในตนเองผ่านการทำงาน" เป็นเป้าหมายของการมีชีวิต
สองวันของการเริ่มเปิดประตูไปสู่คุณค่าและโอกาส...ของการชีวิต
สำหรับข้าพเจ้ามองว่า...เป็นความงดงามและช่องทางที่นำพาผู้คนเคลื่อนไปสู่สภาวะแห่งการได้เยียวยาตนเองต่อความหมายของคำว่า ได้เกิดมาเป็น "มนุษย์"



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น